บ่อน้ำที่ตักเป็น ร้อยขัน พันขัน ก็ไม่มีวันหมด
คนในย่านนี้จึงเืลือกว่า บ่อพันขัน
ไหว้ศาลเจ้าปู่ผ่าน
บ่อพันขัน มีขนาดกว้างประมาณ 6-8 นิ้ว ลึก 6-8 นิ้ว
เมื่อต้นปี 2524 กรมชลประทานได้สร้างฝายน้ำล้นขึ้น ทำให้น้ำท่วมแหล่งหินตัด ชาวบ้านที่เคยทำนาเกลือก็เปลี่ยนอาชีพมาเป็นประมงน้ำจืดแทน อย่างไรก็ดีชาวบ้านก็ยังเชื่อว่าแหล่งหินตัดตรงนี้เป็นสถานที่ที่พระโมคคัลลาน์เสด็จลงมาปราบพญานาค เมื่อคราวขึ้นมาสู้กับนกอินทรีจนพิษกระจายไปทั่วนภากาศ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ถึงกับลูกตากระเด็นออกมาข้างนอกปัจจุบันเรียกว่า บ้านตาเณร ซึ่งเพี้ยนมาจากบ้านตาเด็น พระเถระเจ้าผู้มีเมตตาธรรมได้อธิษฐานจีวรคลุมนาคลงต้านพื้นบาดาล แล้วประทับบาทไว้พร้อมกับอธิษฐานชี้นิ้วลงข้างชายจีวร กลายเป็นบ่อน้ำจืดขนาดเล็กให้ชาวบ้านได้ชำระพิษนาค และดื่มรักษาโรคภัยอันเกิดจากพิษนาค บ่อน้ำมีลักษณะรอยแตกเหมือนครกตำข้าวของชาวบ้าน ขนาดกว้าง 6 นิ้ว ลึก 12 นิ้ว ชาวบ้านนิยมเรียกว่า น้ำสร่างครก อาจเป็นเพราะมีขนาดเท่าครกก็ได้ เรียกเป็นทางการ ก็คือ บ่อพันขัน เพราะใช้ขันตักน้ำเท่าไรก็ไม่หมด และเมื่อตักขึ้นมาแล้วก็ไหลแทนที่ ในลักษณะเดิมอีก ซึ่งแปลกจากน้ำซับและน้ำซึมโดยทั่วไป มีรสจืดสนิทท่ามกลางน้ำเค็ม สำหรับที่มาของคำว่า “
บ่อพันขัน” เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ได้อธิบายไว้ว่า “
กู่น้อยพระโกนา พระโกนาคมหนอ เมืองทุ่งมาทอดทอ มาทอดทิ้งมณเทียรแถน
เกิดเพื่อสุวรรณภูมิ สว่างด้าวไสวแดน พันขันคือพันแขน ที่ขอดน้ำคู่ธาน” ทั้งหมดเป็นด้วยฤทธิ์บันดาลหรือธรรมชาติสร้างก็แล้วแต่ นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของชุมชนที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้คงอยู่เพื่อลูกหลานในอนาคตสืบต่อๆกันไป
วัดเกาะบ่อพันขันรัตนโสภณ
ตั้งอยู่ในเขตวัดเกาะบ่อพันขันรัตนโสภณ อำเภอหนองฮี เป็นอุทยานการศึกษาเฉลิมพระเกียรติ 50 ปี
และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสหัสขันธมหามุนีนาถซึ่งมีความสวยงามเป็นที่เคารพบูชาของชาวร้อยเอ็ด
การเดินทาง ตามเส้นทางร้อยเอ็ด-พนมไพร กิ่งอำเภอหนองฮี สู่ตำบลเด่นราษฎร์
ห่างจากเมืองร้อยเอ็ดประมาณ 85 กิโลเมตร
|
ที่ตั่งและประวัติโดยย่อ บ่อพันขัน
ตั้งอยู่ในเขตตำบลเด่นราษฎร์ กิ่งอำเภอหนองฮี จังหวัดร้อยเอ็ด บริเวณทางด้านตะวันออก ของห้วยเค็มประมาณ100 เมตร ลักษณะทางกายภาพเป็นลานหินทรายแดงกว้างใหญ่ในพื้นที่ ประมาณ1กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่บริเวณห้วยเค็มทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก โดยทางฝั่งตะวันตกเป็นพื้นที่ตำบลจำปาขัน อ.สุวรรณภูมิ ส่วนฝั่งตะวันออกเป็นพื้นที่ของต.เด่นราษฎร์ กิ่งอำเภอหนองฮี
โดยพื้นที่ทั้งสองฝั่งยังมีแนวหินทรายต่อเนื่องขึ้นไปอีกบางส่วนจมอยู่ใต้ดิน แนวลำน้ำเค็มจากบ่อพันขัน ไปถึงลำน้ำเสียวประมาณ 2กิโลเมตร ในฤดูน้ำหลากพื้นที่บริเวณบ่อพันขันบางส่วนมักจมอยู่ใต้พื้นน้ำแต่ในฤดูแล้ง พื้นที่บริเวณบ่อพันขันจะปรากฏแนวพื้นหินทรายกว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ บริเวณกว้าง โดยมักจะมีร่องรอย ของความเค็มของดินปรากฏโดยทั่วไป ลักษณะเป็นสีขาวของเกลือ และราษฎรในบริเวณนี้มักจะใช้เป็นสถานที่ ผลิตเกลือสินเธาว์ ต่อเนื่องกันมาหลายชั่วอายุ เป็นทั้งผลผลิตที่ใช้บริโภคในหมู่บ้านใกล้เคียง และเป็นสินค้าออกไปยังจังหวัดใกล้เคียง เช่น ศรีษะเกศ สุรินทร์ อุบลราชธานี เป็นต้น โดยมีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ผลิต คือ บ่อพันขันนั่นเอง ในบริเวณบ่อพันขันปรากฏพื้นที่ลักษณะพิเศษ คือมีบ่อน้ำจืดธรรมชาติ ที่มีน้ำพุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา โดยไม่มีวันหยุด มีขนาดกว้างประมาณ 6-8 นิ้ว ลึก 6-8 นิ้ว จึงเป็นที่มาของ บ่อพันขัน ชาวบ้านเรียกอีกอย่างว่า “น้ำสร่างครก” เพราะมีลักษณะคล้ายครกต้ำข้าว น้ำบริเวณบ่อพันขัน ไม่มีใครรู้ว่ามันเริ่มไหลออกมาเมื่อใด และจะหยุดไหลเมื่อใด อาจจะเป็นเรื่องของระบบน้ำใต้ดิน ที่ไหลซึมอกมาตลอดเวลาตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ในความเชื่อ ของชาวบ้านในเรื่องความอัศจรรย์และความศักดิ์สิทธิ์ นับเป็นวิถีชีวิตของผู้คนในดินแดนแห่งทุ่งกุลาร้องไห้ ที่จริงๆ ไม่เคยร้องไห้ เพราะความอุดมสมบูรร์ของพื้นที่ เพียงเราจะจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนเท่านั้น แต่สิ่งที่ปรากฏและยังอยู่ในความทรงจำ ของผู้คนบริเวณนี้คือ การเป็นพื้นที่แหล่งต้มเกลือสินเธาว์ ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน โดยพื้นที่รอบๆ มีแต่ความเค็มของเกลือในฤดูแล้ง แต่มีพื้นที่เพียงจุดเล็กๆ ที่มีน้ำจืดไหลออกมาตลอดเวลา ตักเป็นพันขันก็ไม่หมด ท่ามกลางพื้นที่ ที่มีแต่ความเค็มตลอดฤดูแล้ง นับตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ จนถึงเดือน พฤษภาคม ของทุกปี
พื้นที่ บริเวณนี้จมอยู่ใต้น้ำมากว่า 20 ปี นับตั้งแต่ปี 2524 พอในปี 2547 ชาวบ้านในพื้นที่ได้ร่วมแรงรวมใจกัน ฟื้นฟูสภาพของบ่อพันขัน ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และคงอยู่กับจังหวัดร้อยเอ็ดตลอดไป
น่ารัก
ตอบลบน่าไปๆ
ตอบลบน่าเที่ยว
ตอบลบ